การตรวจ จุลินทรีย์ กับการตรวจ DNA ต่างกันอย่างไร
เพราะคุณเปลี่ยน DNA เปลี่ยนไม่ได้ แต่จุลินทรีย์ในตัวคุณเปลี่ยนได้
DNA subunits จับตัวรวมกันเป็นสาย DNA ในสาย DNA จะมีส่วนที่ทำให้เกิดการแสดงออก เรียกว่ายีน (แสดงออก เช่น ผิวเหลือง ตาโต ตัวเตี้ย) และยีนนั้น จะอยู่ในโครโมโซม สิ่งมีชีวิตเดียวกันจะมีโครโมโซมเท่ากัน โดยจำนวนของโครโมโซมไม่ได้สัมพันธ์กับขนาดของสิ่งมีชีวิต หรือเรียกได้ว่า โครโมโซมนั้นคือรหัสพันธุกรรมซึ่งอยู่ในเซลล์ เซลล์จึงเป็นตัวกำหนดลักษณะ ทำหน้าที่ทางโครงสร้างและควบคุมการทำงานของสิ่งมีชีวิต ซึ่งการแสดงออกของแต่ละเซลล์ถูกกำหนดขึ้นจาก DNA
การตรวจ DNA ของคน คือการดูรหัสทางพันธุกรรมของคน เพื่อหาลักษณะทางพันธุกรรม เช่น พรสวรรค์ โรคเสี่ยง เชื้อชาติ ฯลฯ ด้วยความที่คนมี DNA ชุดเดียว การตีความ DNA ของคน จึงมีประโยชน์ในการใช้วิเคราะห์ข้อเด่น และข้อด้อยจากลักษณะทางพันธุกรรมของคนนั้นๆ ซึ่งนำไปสู่คำแนะนำการดำเนินชีวิต การโภชนาการ ฯลฯ เพื่อส่งเสริมจุดเด่นและลดความเสี่ยง ซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่คำแนะนำเหล่านั้นไม่ทำให้คนปรับเปลี่ยน DNA ของคนได้
ในขณะที่ร่างกายของเรามียีนตัวเองราว 20,000 ยีน แต่มียีนจุลินทรีย์มากถึง 2 ล้าน – 20 ล้านยีน จุลินทรีย์แต่ละชนิด จะมีรหัสพันธุกรรมไม่เหมือนกัน ส่งผลให้เซลล์ไม่เหมือนกัน จุลินทรีย์แต่ละชนิดจึงมีคุณลักษณะแตกต่างกัน ทั้งที่ดีกับร่างกายและไม่ดีกับร่างกาย การเข้าใจความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในตัวคน จากการตรวจ DNA ของจุลินทรีย์แต่ละชนิด ซึ่งทำให้เราทราบความเสี่ยงหรือสาเหตุของกลุ่มอาการผิดปกติต่างๆ จึงนำมาซิ่งแนวทางการปรับจุลินทรีย์ของคน โดยการเลือกรับประทานโพรไบโอติกส์ หรือจุลินทรีย์ตัวดี ที่มีสายพันธุ์ และปริมาณ แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของคนแต่ละคน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคขึ้นได้
ในตัวคนเรา มีเซลล์จุลินทรีย์ มากถึง 100 ล้านล้าน ในขณะที่เซลล์ของคนเรา มีเพียง 30 ล้านล้าน เท่ากับว่าเซลล์ของจุลินทรีย์ในตัวคน มีมากกว่าเซลล์ของคน ถึง 3 เท่าเศษ เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจจุลินทรีย์ในตัวคน จึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทำความเข้าใจ DNA ของคน โดยเซลล์ของจุลินทรีย์ในตัวคนนั้น อยู่ที่ลำไส้มากกว่าครึ่ง หากต้องการเข้าใจจุลินทรีย์ในตัวคน การตรวจอุจจาระ จึงเป็นวิธีที่ตรวจจุลินทรีย์ในตัวคนได้แม่นยำที่สุด
การตรวจ DNA ของคน เทียบกับ การตรวจ DNA จุลินทรีย์ในตัวคน จึงเป็นคนละอย่างกัน แม้จะมีบางส่วนคาบเกี่ยวกัน แต่การตรวจสองวิธีนี้ ทดแทนกันไม่ได้ทั้งในแง่ของผลที่ได้รับ หรือในแง่ของข้อสรุปเพื่อนำไปสู่การดูและรักษาสุขภาพ
และไม่ว่าอย่างไร DNA ของคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่การที่เราตรวจ DNA ของจุลินทรีย์ในร่างกายของคน เราทราบว่าจะเปลี่ยนจุลินทรีย์ในร่างกายของคนเหล่านั้นอย่างไรให้ส่งผลให้คนๆนั้นมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเราสามารถตรวจจุลินทรีย์ซ้ำๆได้ เพื่อดูว่าในแต่ละช่วงเรามีความเสี่ยงทางสุขภาพจากลักษณะจุลินทรีย์ที่เสียสมดุล เหมือนเดิมหรือแตกต่างไปอย่างไร เนื่องจากจุลินทรีย์ในร่างกายคนนั้น เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจากพฤติกรรม แต่จะเปลี่ยนลงถึงระดับโครงสร้างได้จะต้องเกิดจากการดำเนินพฤติกรรมบางอย่างซ้ำๆเป็นระยะเวลา เราจะแนะนำให้ตรวจจุลินทรีย์ซ้ำได้ทุก 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อหาวิธีคืนสมดุลจุลินทรีย์ที่เสียสมดุลในช่วงแตกต่างกันไปอย่างเหมาะสม